top of page

Search Results

พบ 6 รายการสำหรับ ""

  • เวเนโต้กับการตีความใหม่ของทีรามิสุ ในแบบเฉพาะของ เลอ บอนเนอร์

    ทีรามิสุ จัดได้ว่าเป็นมรดกทางอาหารที่ยาวนานของอิตาลี อันมีเอกลักษณ์ที่ประกอบด้วยบิสกิตซาโวยาร์ดีที่นำไปจุ่มในกาแฟ มาสคาโปน และโกโก้ ซึ่งมีต้นกำเนิดที่ยังคงถกเถียงกันถึงแหล่งกำเนิดว่ามาจากเวเนโต้ หรือฟริอูลี-เวเนเซีย จูเลีย แต่ถึงกระนั้น ทีรามิสุก็เป็นขนมหวานที่ได้รับการยกย่องไปทั่วโลกด้วยการผสมผสานรสชาติและสัมผัสอันน่าหลงใหลในแบบของอิตาลี ด้วยการดัดแปลงและสร้างสรรค์ในแบบของเลอ บอนเนอร์ จึงได้เกิดเมนูที่เรียกว่า “เวเนโต้” ขึ้น ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ของทีรามิสุแบบดั้งเดิม แต่ยังคงไว้ซึ่งรากเหง้าของขนมหวานนี้ ที่ผ่านการเล่าเรื่อง และผ่านการตีความใหม่ด้วยแรงบันดาลใจของเชฟ หากเปลี่ยนกับเพลง โน้ตตัวแรกที่เป็นองค์ประกอบในขนมนี้คือ Almond Genoise หรือเนื้อขนมที่ทำจากอัลมอนด์ที่แตกต่างจากเลดีฟิงเกอร์แบบดั้งเดิม นำไปแช่กับส่วนผสมของกาแฟอาราบิก้าไทยเข้มข้นและเหล้ากาแฟของแม็กซิโก ทำให้ได้ความเข้มข้นแต่มีความนุ่ม และมีชีวิตชีวาของกลิ่นอายที่แปลกใหม่ของการผสานรสชาตินี้ ในส่วนต่างๆ ที่ทำให้ได้รสชาติเฉกเช่นบทเพลงที่สมบูรณ์ เชฟได้รังสรรแต่ละชั้นของเวเนโต้นี้อย่างพิถีพิถัน ชั้นสีน้ำตาลอ่อนล่างสุด เป็นส่วนผสมของครีมชีสอิตาเลี่ยนแห่งแคว้นลอมบาร์ดี สัมผัสได้ถึงความเข้มข้นจากเอสเพรสโซ่เข้มข้มและความนุ่มนวลของกาแฟแม็กซิกันที่ผ่านการกลั่นแบบดั้งเดิม ชั้นบนสีขาวคือส่วนของครีมชีสลอมบาร์ดีผสานเข้ากับกลิ่นหอมอันเย้ายวนของรัมจาไมก้าสีเข้ม รวมเข้ากับความหอมวานจากวานิลลามาดากัสการ์ ราวกับรายละเอียดที่ซับซ้อนอันสมดุลระหว่างความน่าหลงใหลและความปราณีต ตัวโน้ตสุดท้ายที่เป็นดังท่อนหลังของเพลงอยุ่ชั้นของเจลลี่กาแฟ ที่มุ่งนำเสนอรสชาติของกาแฟอาราบิก้าที่ปลูกบนเทือกเขาของจังหวัดเชียงราย ตอนเหนือของประเทศไทย เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมการผสมผสานแห่งสัมผัสต่างๆ ระหว่างชั้นขนมแต่ละชั้น เพื่อสร้าางองค์ประกอบที่น่าประหลาดใจและท้าทายอย่างน่าพึงพอใจ ปิดท้ายด้วยรสเข้มข้นจากโกโก้แห่งกาน่า ตกแต่งด้วยช็อคโกแลตครันช์และฮาเซลนัท ซึ่งไม่เพียงแต่จะเพิ่มเสน่ห์ด้วยตาเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มเติมและนำเสนอความแตกต่างของเนื้อสัมผัสและรสชาติของช็อคโกแลต ที่แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนและการเอาใจใส่ของเชฟ เวเนโต้คือการจินตการใหม่ของเชฟที่เลอ บอนเนอร์ ทำให้สัมผัสที่ได้เป็นมากกว่าแค่ขนมหวาน แต่คือการเดินทางและการถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์เมนูที่ยังคงเคารพในต้นกำเนิดอย่างกล้าหาญ บอกเล่าเรื่องราวของความหลงใหล และการแสวงหาความแปลกใหม่ในรสสัมผัสที่แตกต่าง ณ สถานที่แห่งนี้ คือ ที่แห่งประสบการณ์ เปรียบเสมือนการเชิญชวนให้สัมผัสกับสิ่งที่คุ้นเคยในมุมมองใหม่ เริ่มต้นการเดินทางที่ข้ามผ่านสิ่งเดิมๆ เพื่อลิ้มรสความหลงใหลอันเป็นเอกลักษณ์และความสุขดังนิยามของเลอ บอนเนอร์ #LeBonheurPatisserie #VenetoReimagined #GlobalTiramisu #CulinaryAdventure #DessertInnovation #Tiramisu #CoffeeDessert

  • ดื่มด่ำไปกับสุนทรียะแห่งการผสมผสานหว่างดาร์กช็อคโกแลตและส้ม กับผลงานที่ชื่อว่า ‘เค้กช็อคโกแลตทรัฟเฟิลออเรนจ์’

    ในเรื่องราวแห่งขนมหวานที่ซึ่งความธรรมดากลายเป็นความพิเศษ ความคุ้นเคยถูกผสมผสานเข้ากับนวนิยาย จึงเกิดเป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์ ดังตัวละครที่มีความสวยงามและซับซ้อน เฉกเช่นเมนูที่ชื่อว่า ‘Truffles au Chocolat et à l’Orange’ หรือ ‘เค้กช็อคโกแลตทรัฟเฟิลออเรนจ์’ ที่เปรียบเสมือนการเดินทางของรสสัมผัสที่สร้างความประทับใจให้ผู้คนได้อย่างไม่รู้ลืม ผลงานชิ้นนี้คือความลงตัวอย่าสมบูรณ์แบบของดาร์กช็อคโกแลตและส้ม เป็นการจับคู่แบบที่คุ้นเคย แต่เพิ่มเติมด้วยความลึกและความมีชีวิตชีวาแห่งรสชาติในแบบของเลอ บอนเนอร์ ที่รังสรรให้เค้กช็อคโกแลตมีความชุ่มฉ่ำและหรูหรา มีชั้นของคัสตาร์ดส้มเนื้อนุ่ม ที่ใช้ส่วนผสมจากส้มแมนดารินที่ดีที่สุดและเปลือกส้มที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจจากตุรกี การผสมผสานอันปราณีตของผลไม้ตระกูลส้มเมื่อรวมเข้ากับ Grand Marnier คอนญัคส้มที่ได้รับการยกย่องกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานย้อนกลับไปถึงปี 1880 โดย Alexandre Marnier-Lapostolle Grand Marnier ที่นำเอาความซับซ้อนของการเตรียมคอนญัคกับการสกัดกลั่นของส้มและนำตาล กลายเป็นสัมผัสที่ละเอียดอ่อน มีกลิ่นหอมที่ช่วยยกระดับของหวานให้มีความหรูหราและน่าอภิรมย์ เมื่อกล่าวถึงดาร์กช็อคโกแลต ส่วนผสมที่เปรียบดังเช่นตัวละครหลักสำคัญ เชฟได้เลือกใช้ดาร์กช็อคโกแลต ระดับ Grand Cru จากแหล่งปลูกเดียว (Single Origin) ที่ได้รับการดูแลแบบออแกนิค จากเมล็ดพันธุ์โกโก้ชนิดพิเศษที่ปลูกในดินแดนอันสมบูรณ์ของเมือง Puira ประเทศเปรู ซึ่งช็อคโกแลตนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านระบบการค้าที่เป็นธรรมและผลผลิตออแกนิคที่ดีที่สุดที่ได้รับการรับรองจาก NOP สิ่งที่เพิ่มความซับซ้อนและเข้มข้นให้กับขนมชิ้นนี้คือผงโกโก้ ซึ่งเป็นผงโกโก้ที่ได้มาจากเมล็ดโกโก้อันเลื่องชื่อของประเทศกาน่า รสชาติเข้มข้น หนักแน่น ให้สีแดงไม้มะฮอกกานี ที่นำมาโรยลงบนเค้กช็อคโกแลตจนหนาแบบช็อคโกแลตทรัฟเฟิล ส่วนสำคัญสุดท้ายของความพิเศษนี้คือส้มออสเตรเลียคัดพิเศษ ที่ถูกนำมาหั่นเป็นชิ้นแล้วนำไปเชื่อมเป็นเวลานานหลายชั่วโมง เพิ่งกลิ่นสัมผัสอันหอมหวานด้วยฝักวานิลลามาดากัสการ์ ที่เติมเต็มความซับซ้อนต่างๆ ให้น่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น เป็นส่วนสุดท้ายที่ทำให้เมนูช็อคโกแลตทรัฟเฟิลออเรนจ์นี้กลายเป็นเมนูที่มากล้นไปด้วยรายละเอียดที่สร้างสรรค์ หรูหรา และน่าหลงใหลเกินจะต้านทาน โดยเฉพาะเมื่อได้สัมผัสการผสานรสชาติที่ลงตัวในแต่ละชั้นอย่างน่าอัศจรรย์ ความเข้มข้นของดาร์กช็อคโกแลต ตัดกับความหวานและความเปรี้ยมของส้ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากวานิลลาและคอนญัค และความขมเข้นจากผงโกโก้ ราวกับเป็นการเดินทางเพื่อประสบการณ์ของรสชาติที่ยากจะลืมเลือน #TrufflesAuChocolateEtALOrange #CulinaryMasterpiece #DarkChocolateOrangeBliss #GrandMarnierElegance #ValrhonaChocolatePerfection #SustainableIndulgence #GourmetDessertExperience

  • ประสบการณ์แห่งบากาเตล ที่ เลอ บอนเนอร์

    ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘บากาเตล’ เป็นขนมหวานที่เชฟได้รับแรงบันดาลใจมาจากขนมหวานของ Gaston Lenôtre เชฟชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของโลก โดยผสานองค์ประกอบด้วยวัตถุดิบต่างๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวในแบบของ เลอ บอนเนอร์ นำเสนอรสชาติของบากาเตลนี้ในแบบเฉพาะของตัวเอง จนสามารถดึงดูดและสร้างความประทับใจให้กับใครต่อใครที่มาเยือนได้ โดยเฉพาะเมื่อได้ลิ้มลองรสชาติและสัมผัสที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เปรียบเสมือนการเดินทางผ่านศิลปะแห่งขนมอบฝรั่งเศส หัวใจสำคัญของการสร้างสรรค์รสชาติอันน่าพิสมัยนี้คือ Pistachio Genoise เป็นเนื้อขนมที่ทำจากพิสตาชิโอที่ปลูกในประเทศอิหร่าน ได้ชื่อว่าเป็นพิสตาโอที่ดีที่สุดในโลก ด้วยรสชาติเข้มข้นและสีเขียวสด ที่เชฟของเลอ บอนเนอร์ ได้เปลี่ยนให้กลายเป็นเนื้อขนมที่ทั้งเบา นุ่มนวล น่ารับประทาน เป็นสัมผัสของขนมหวานที่มีกลิ่นและรสสัมผัสเฉพาะตัวในทุกคำที่ลิ้มลอง ถัดมาคือชั้นสีแดงแวววาวที่มีรสชาติหอมหวาน มีความเปรี้ยวและความสดชื่นที่ตัดกับรสชาติของชั้นขนมสีเขียว นั่นคือ Strawberry Gelée ที่ราวกับอัญมณีแห่งรสสัมผัสที่ซ่อนความน่าหลงใหลเอาไว้ได้อย่างลงตัว อีกหนึ่งสัมผัสที่นุ่มละมุนคือชั้นครีมวานิลลาที่กระซิบเรื่องราวของดินแดนอันห่างไกล ของวานิลลาจากป่าฝนอันเขียวชอุ่มของมาดากัสการ์ ที่ได้จากฝักวานิลลาสีดำเข้ม มีรสชาติที่ซับซ้อนและเข้มข้นอันเป็นผลมาจากการเติบโตตามธรรมชาติและการเอาใจใส่อย่างระมัดระวัง อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอบอุ่นที่ในทุกๆ สัมผัสเกิดจากคุณค่าทางธรรมชาติของมาดากัสการ์ นอกจากนั้นความลับที่เชฟได้ซ่อนเอาไว้คือเสียงกระซิบอันแผ่วเบาของดอกชบาฝรั่งเศส ที่เพิ่มความซับซ้อนและน่าหลงใหลด้วยดอกไม้ ผสานเข้ากับรสชาติต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ยากจะคาดเดาจนน่าประทับใจ เพื่อให้งานศิลปะแห่งขนมฝรั่งเศสนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น บากาเตลได้รับการตกแต่างด้วยสตรอวเบอร์รี่สดสุดพิเศษตามฤดูกาล ผ่านการคัดสรรมาในทุกขั้นตอน จนได้ผลสตรอวเบอร์รี่สีแดงสด เนื้อสัมผัสชุ่มฉ่ำ มีความสมดุลระหว่างความหวานและความเปรี้ยวที่ลงตัว จนเปรียบตัวฝีแปรงสุดท้ายบนผลงานชิ้นเอก ที่เพิ่มสีสัน ความสดชื่น ชวนให้ลิ้มลองและหลงรักอย่างแท้จริง บากาเตลนั้นไม่ต่างอะไรกับประสบการณ์แห่งรสชาติที่จะพาคุณไปสู่โลกที่ส่วนผสมแต่ละอย่างคอยบอกเล่าเรื่องของตัวเอง ตั้งพิสตาชิโอจากดินแดนทะเลทรายแห่งตะวันออกกลาง และวานิลลาที่หอมหวานจากป่าฝนแห่งเกาะในทวีปแอฟริกา เรื่อยไปจนถึงกลิ่นอันเป็นความลับของดอกชบาฝรั่งเศส ทุกองค์ประกอบของบากาเตลคือเครื่องพิสูจน์ถึงการสร้างสรรค์แห่งศิลปะการทำขนมโดยเชฟของเลอ บอนเนอร์ ที่จะนำพาคุณให้เริ่มต้นการผจญภัยและสัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่างด้านขนมหวานแบบฝรั่งเศสที่น่ารื่นรมย์และน่าจดใจ #LeBonheurPatisserie #Bagatelle #GourmetDessert #PistachioGenoise #StrawberryGelee #VanillaBavarois #MadagascarVanilla #HibiscusWhisper #DessertLovers #PastryArt #CulinaryJourney #TasteTheArt #FoodieAdventure

  • จากต้นกำเนิดสู่การรังสรรแบล็คฟอเรสท์ในแบบเฉพาะตัวของ เลอ บอนเนอร์

    ป่าแบล็คฟอเรสต์คือจุดเริ่มต้นของหนึ่งในขนมหวานที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก ผ่านการสืบต่อและถ่ายทอดออกมาหลากหลายรูปแบบจากเชฟที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่นเดียวกับเลอ บอนเนอร์ ที่ซึ่งเชฟได้รังสรรเค้กแบล็คฟอเรสต์นี้ออกมาตามแบบฉบับเฉพาะตัวด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ ยังคงไว้ด้วยแก่นแท้แห่งต้นกำเนิดด้วยองค์ประกอบหลักอย่างครบถ้วน ผ่านการคัดสรร แสวงหาวัตถุดิบชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อสร้างสรรค์ขนมหวานชิ้นนี้ขึ้นมาใหม่ ด้วยความปรารถนาที่จะนำเสนอความพิถีพิถันแห่งรสชาติ และจิตวิญญาณของสุนทรียะแห่งขนมหวานที่เรียกว่า ‘เค้กแบล็คฟอเรสต์’ และนี่คือเรื่องราวของขนมหวานนี้ในรูปแบบของ เลอ บอนเนอร์ ภายใต้ความอุดมสมบูร์และร่มเงาแห่งป่าทางตะวันเฉียงใต้ของประเทศเยอรมันนี สถานที่ซึ่งจิตวิญญาณของเค้กแบล็คฟอเรสต์ได้ถือกำเนิดขึ้น คือ Kirschwaẞer หรือบรั่นดีที่ใสราวคริสตัล เฉกเช่นท่วงทำนองที่ขับขานถึงฤดูกาลแห่งการผลิบานของเชอร์รี่ป่าและกลิ่นหอมเย้ายวนที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเชฟได้นำความพิเศษของกลิ่นสัมผัสนี้มาผสมอยู่ในชั้นสีขาวดุจหิมะบนยอดเขา เปรียบเสมือนแก่นแท้แห่งแบล็คฟอเรสต์ ที่คอยย้ำเตือนดังสิ่งเตือนใจถึงต้นกำเนิดแห่งขนมหวานนี้ เชอร์รี่สีแดงเข้มเปรียบเสมือนหัวใจแห่งเรื่องราวทั้งหมด รสสัมผัสหอมหวาน ที่เชฟเพิ่มความแตกต่างที่น่าหลงใหลด้วยเชอร์รี่ลูกเล็กของฝรั่งเศสที่นำไปแช่ใน Eau de Vie คล้ายกับการเต้นรำสอดประสานของรสสัมผัสที่บ่งบอกถึงความรัก ความปรารถนา ความหอมหวาน และความแข็งแกร่ง ราวกับสวนแห่งรสชาติที่รอการค้นพบ ลองจินตนาการถึงชั้นเนื้อเค้กช็อคโกแลตที่สีเข้มราวกับยามค่ำคืนอันเงียบสงบ สัมผัสแห่งผืนดินที่ห่างไกล ผ่านการถ่ายทอดรสสัมผัสด้วยโกโก้ที่ถือกำเนิดขึ้นบนดินแดนประวัติศาสตร์ของประเทศกาน่า ที่ได้รับการดูแลมานานหลายศตวรรษ ราวกับเสียงกระซิบถึงความลับของรุ่งอรุณและนิทราที่ยาวนาน ข้ามห้วงมหาสมุทรและกาลเวลา ความน่าดึงดูดใจบนเส้นทางที่ตัดผ่านป่าเมื่อต้องแสงจันทร์ยามราตรี ดาร์กช็อคโกแลตคือสัมผัสที่เติมเต็มความสมบูรณ์แบบของการเดินทาง เมื่อรวมกับสีแดงราวทับทิมที่เปล่งประกายภายใต้มนต์สะกดของ Griottines และ Morello Cherry Gelée สายน้ำและลำธารที่ถูกถ่ายทอดผ่านซอสช็อคโกแลตรสเข้มที่ราดสลับอยู่บนเค้กแบล็คฟอเรสต์ จากการผสมผสานรสสัมผัสของดาร์กช็อคโกแลตจากหลายแหล่งปลูกบนผืนดินที่ต่างกัน ผ่านเรื่องราวและห้วงฤดูกาลที่ยาวนานเฉพาะตัว ขับขานเป็นท่วงทำนองดังเครื่องดนตรีหลากชิ้น ที่สร้างการสอดประสานเมื่อบรรเลงร่วมกันอย่างน่าอัศจรรย์ สัมผัสสุดท้ายของโกโก้นิบส์ที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับการเดินทางนี้ เฉกเช่นความขรุขระบนเส้นทางในป่า ที่เป็นสิ่งเตือนใจถึงหนทางอันยาวไกล แต่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขและความทรงจำมากมาย มีผงโกโก้ที่ถูกโรยไว้บนจานราวกับสายลมที่พัดผ่าน ประดับตกแต่งด้วยใบไม้สีแดงที่ร่วงหล่นราวเสียงกระซิบบนการเดินทางแห่งรสชาติยาวนานของแบล็คฟอเรสต์ สำหรับเชฟแล้วนั้น เค้กแบล็คฟอเรสต์ที่ เลอ บอนเนอร์ เป็นมากกว่าแค่เค้กที่เสิร์ฟบนจาน แต่คือเรื่องราวที่แต่ละชั้นเปรียบเสมือนบทหนึ่งๆ ในนวนิยายที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างปราณีตและลึกซึ้ง ถักทอออกมาเป็นเรื่องราวของรสชาติและเนื้อสัมผัส ผ่านส่วนผสมแต่ละอย่างที่มีลักษณะเฉพาะ แต่ละเทคนิคที่เปรียบเช่นการหักมุมของการเล่าเรื่อง ขณะที่คุณลิ้มรสของเค้กแบล็คฟอเรสต์จากเลอ บอนเนอร์ ลองจินตนาการถึงการเดินทางในป่าแบล็คฟอเรสต์เมื่อยามราตรี เนื้อขนมเป็นดังผืนป่า ชั้นครีมสีขาวป็นราวหมอกสีขาวผ่านพัดผ่านต้นไม้แต่ละต้น ลายบนชิ้นขนมเปรียบเสมือนสายธารน้ำที่ไหลเอื่อย ผงโกโก้ โกโก้นิบส์คล้ายกับก้อนหินบนเส้นทางที่คอยย้ำเตือนถึงการเดินทาง สัมผัสแห่งเชอร์รี่และ Kirschwaßer บอกเล่าเรื่องราวของหุบเขาที่ซ่อนตัวอยู่ใต้แสงจันทร์จนกลายเป็นความทรงจำ ให้รสสัมผัสของเค้กแบล็คฟอเรสต์นี้ได้นำพาคุณไปสู่อีกโลก โลกที่ทุกๆ คำในสัมผัสนั้นคือการผจญภัยผ่านการรังสรรขนมหวานนี้ด้วยฝีมือที่ปราณีตและพิถีพิถัน ผ่านจิตวิญญาณของเชฟที่กลายเป็นเรื่องราวของนวนิยายแห่งรสชาติที่รอคอยการค้นพบ #EnchantedBlackForestCake #LeBonheurPatisserieMagic #GhanaianCocoaJourney #KirschwasserCharm #CherryDelightTales #CulinaryFairyTale #TasteTheLegend #ArtisanalBakingStory #SensoryAdventureSlice #PatisserieFantasy #Lebonheurpatisserie

  • ค้นพบเสน่ห์ของเค้กมะพร้าวบาวาเรียน ไร้กลูเตน (Gluten-Free) จาก เลอ บอนเนอร์

    เค้กมะพร้าวบาวาเรียนของ เลอ บอนเนอร์ ถือได้ว่าเป็นการรังสรรขนมหวานที่เลอค่าดังเช่นงานศิลปะที่แสดงออกด้วยความเรียบง่ายและเปี่ยมไปด้วยความน่าสนใจที่ไม่ธรรมดา ซึ่งเสน่ห์ที่ว่านั้นอยู่ที่ความเรียบง่ายของภาพลักษณ์สีขาว รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชวนให้นึกถึงความบริสุทธิ์และเรียบง่าย แต่อย่าปล่อยให้ภาพลักษณ์ที่ว่านั้นลวงคุณได้ เพราะขนมหวานชิ้นนี้มีพลังที่จะดึงดูดใจให้ใครต่อใครหลงรักและมีความสุขเมื่อได้สัมผัสกับความละเมียดละไมของเมนูเค้กมะพร้าวบาวาเรียนจาก เลอ บอนเนอร์ เค้กมะพร้าวบาวาเรียนรังสรรขึ้นด้วยความตั้งใจในการมอบสัมผัสอันปราณีตของรสชาติที่น่าหลงใหล กับเนื้อสัมผัสที่ละลายในปาก ผสมผสานกับความนุ่มนวลที่แตกต่าง ซึ่งความพิเศษและความลับของขนมชิ้นนี้คือความมุ่งมั่นของเชฟในการสร้างสรรค์ความธรรมดาของเค้กมะพร้าวให้มีเสน่ห์ที่แปลกใหม่ แตกต่าง และน่าจดจำ หัวใจสำคัญของการสร้างสรรค์อันน่ารื่นรมย์นี้ คือ มะพร้าวไทย ที่เป็นเช่นอัญมณีของผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวจากจังหวัดนครปฐม ที่ให้กลิ่นสัมผัสหอมหวาน เข้ามาสร้างรสชาติให้กับเค้กมะพร้าวนี้ ผสานเข้ากับความมุ่งมั่นในการรังสรรเมนูขนมหวานเพื่อสุขภาพและเปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพ เชฟเอิร์ลแห่งเลอ บอนเนอร์ได้เลือกใช้แป้งมะพร้าวออแกนิคแทนแป้งสาลีเป็นส่วนผสมของเนื้อขนม ผสมผสานเข้ากับอัลมอนด์ที่ผ่านการบดละเอียดจากเมืองโพรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส จนได้เนื้อขนมที่ทำจากมะพร้าวและอัลมอนด์ ซึ่งเป็นการสร้างอัตลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมเพื่อประสบการณ์การทำขนมที่ไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง ในเนื้อขนมของเค้กมะพร้าวนี้ เชฟเอิร์ลได้ดัดแปลงการทำขนมแบบดั้งเดิม โดยเปลี่ยนจากการใช้เนยมาใช้น้ำมะพร้าวสกัดเย็นที่ผ่านการกลั่น ที่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับขนมหวานนี้ แต่ยังช่วยเพิ่มโอเมก้า 3, 6, และ 9 และยังสร้างความนุ่มเนียนที่น่าหลงใหลได้อย่างน่ามหัศจรรย์ นอกจากนั้นเชฟยังใส่ส่วนผสมพิเศษที่ช่วยเติมรสและกลิ่นสัมผัสให้กับเค้กมะพร้าวบาวาเรียน ราวกับเสียงกระซิบจากสายลมเขตร้อนและชายฝั่งแห่งแคริบเบียน เพื่อเพิ่มรสสัมผัสที่ชวนหลงใหล เติมสัมผัสที่ล้ำลึกให้กับรสของมะพร้าว ถักทอความพิเศษและยกระดับเค้กมะพร้าวนี้ขึ้นไปอีกขั้น เลอ บอนเนอร์ อยากชวนคุณให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ของเค้กมะพร้าวบาวาเรียน ขนมหวานที่เหนือความธรรมดา ที่มิใช่เพียงเค้กเท่านั้น แต่เป็นการเสพสุนทรียะแห่งความพิเศษ สัมผัสการเดินทางแห่งรสชาติ และการตระหนักถึงศิลปะแห่งการทำขนม ร่วมดื่มด่ำไปกับหนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมนี้ ซึ่งในทุกๆ คำ คือการบอกเล่าเรื่องราว ความน่าหลงใหล ความเป็นมา และความสุขจากขนมหวานชิ้นนี้ที่ชื่อว่า ‘เค้กมะพร้าวบาวาเรียน’ จาก เลอ บอนเนอร์ #LeBonheurPatisserie #BavaroisAuCoco #BavarianCoconutCake #ThaiCoconut #GlutenFreeDessert #GourmetPatisserie #ArtisanDesserts #CoconutDelight #CulinaryArt

  • เนยเอชิเร่ แก่นแท้ของมรดกทางศิลปะและความเป็นเลิศด้านการทำอาหารของฝรั่งเศส

    ความลับในการรังสรรอาหารและขนมหวานที่สมบูรณ์แบบด้วยเนยเอชิเร่ เลอ บอนเนอร์ ร้านขนมฝรั่งเศสใจกลางเมืองจังหวัดอุดรธานี คือสถานที่ที่มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เมนูต่างๆ เพื่อความยอดเยี่ยมแห่งรสชาติ หนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่เชฟเลือกใช้ คือ เนยจากเอชิเร่ ซึ่งได้รับการยกย่อว่าเป็น ‘ราชินีแห่งเนย’ ที่โดดเด่นในเรื่องของคุณภาพที่หาใดเปรียบได้ ด้วยรสชาติของเนยชั้นเลิศจึงเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เป็นแก่นแห่งรสสัมผัสของขนมอันเลิศรสของเลอ บอนเนอร์ ด้วยสูตรขนมที่รังสรรขึ้นอย่างพิถีพิถัน   ผสมผสานกับความเชี่ยวชาญของเชฟ จนทำให้ได้ความลงตัวอย่างน่ามหัศจรรย์ เมื่อรวมเข้ากับคุณลักษณะเฉพาะของเนยเอชิเร่ ส่งผลให้ได้รสสัมผัสที่กลมกลืนกันอย่างปราณีตที่ดึงดูดประสาทสัมผัส การผสานที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันนี้เป็นมากกว่าความสุขในการทำขนมหรืออาหาร แต่เป็นข้อพิสูจน์แห่งความทุ่มเทของในการรักษาวัฒนธรรมทางรสสัมผัสและส่งมอบคุณภาพที่เหนือชั้นให้กับลูกค้าที่ทรงคุณค่าของเลอ บอนเนอร์ ความเป็นเลิศที่รังสรรขึ้นตั้งแต่ปี 1891 ในหมู่บ้านเอชิเร่ (Échiré) ประเทศฝรั่งเศส ริมแม่น้ำ Sèvre Niortaise อันเงียบสงบ คือสถานที่ซึ่งการผลิตเนยได้รับการยกระดับขึ้นให้เป็นดังงานศิลปะ นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี พ.ศ.2434 โดย Mr. Du Dresnay เนยเอชิเร่ก็มีความหมายเฉกเช่นหนึ่งในองค์ประกอบทางการทำอหารและความเป็นเลิศของฝรั่งเศส จนทำให้ได้รับสมญานามอันทรงเกียรติว่าเป็น ‘ราชินีแห่งเนย’ การถือกำเนิดของสัญลักษณ์แห่งการทำอาหาร ผลิตภัณฑ์นมเอชิเร่เปลี่ยนเป็นสหกรณ์ในปี พ.ศ. 2437 และได้ผลิตเนยคุณภาพสูงโดยการนำกรรมวิธีดั้งเดิมที่ใช้กันมาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยการปั่นด้วยถังไม้สัก เพื่อให้ได้เนยที่มีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งการผลิตเนยให้ได้ 1 กิโลกรัมนั้นจะต้องใช้น้ำนมจากวัวกว่า 22 ลิตร ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงคุณภาพที่หาใครเปรียบได้ในกระบวนการผลิต ความลับเบื้องหลัง ‘ราชินีแห่งเนย’ รสชาติและเนื้อสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ของเนยเอชิเร่เกิดจากการบ่มเนยจนได้ที่ โดยใช้เวลานานกว่า 18 ชั่วโมง ในกระบวนการผลิตประกอบกับการปั่นอย่างพิถีพิถันด้วยเวลาสองชั่วโมงครึ่งในถังไม้สัก ทำให้ได้เนยที่นุ่ม มีรสสัมผัสคล้ายฮาเซลนัท ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตเนยของเอชิเร่คือผู้ที่จะคอยดูแลในขั้นตอนนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเนยที่ได้ออกมานั้นเป็นไปตามมาตรฐานของเอชิเร่ ความร่วมมือเพื่อความยั่งยืน ในปี 1997 การควบรวมกิจการของ Échiré Dairy กับผู้ผลิตชีส Sèvre & Belle ถือเป็นก้าวสำคัญสู่แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน พวกเขาได้จัดทำกฎบัตรคุณภาพสำหรับการผลิตนม โดยมุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยของอาหาร สวัสดิภาพสัตว์ การเคารพสิ่งแวดล้อม และความมุ่งมั่นที่ไม่ใช่จีเอ็มโอ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาคุณภาพของเนย Échiré การยอมรับในระดับโลกที่มีรากฐานมาจากท้องถิ่น เนยเอชิเรยังคงรักษารากฐานที่แข็งแกร่งของท้องถิ่นไว้ได้ แม้ว่าจะใช้บนโต๊ะอาหารและห้องครัวทั่วโลกก็ตาม Coopérative Laitière de la Sèvre ซึ่งมีฟาร์มแพะและวัว 120 แห่ง รับประกันว่านมสำหรับเนย Échiré มาจากท้องถิ่น พื้นที่อันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อคุณภาพของนม เพื่อรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเนย เรื่องราวเบื้องหลังคุณภาพ แก่นแท้ของเนยเอชิเรยังอุดมไปด้วยเรื่องราวของผู้ผลิตในท้องถิ่นและแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน ตั้งแต่อาหารที่ไม่ใช่จีเอ็มโอ อาหารปราศจากน้ำมันปาล์ม ไปจนถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และสวัสดิภาพสัตว์ ฟาร์มแบบครอบครัวเหล่านี้มีส่วนอย่างมากต่อคุณภาพของนม การรับรองความเป็นเลิศ ในปี 2013 ไซต์ Échiré ได้รับการรับรองจาก IFS ซึ่งยืนยันถึงความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การรับรองนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความยึดมั่นในมาตรฐานสูงสุดด้านความปลอดภัยและคุณภาพอาหารของ Échiré การสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นยังคงดำเนินต่อไป เนยเอชิเรมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน วิธีการผลิตแบบช่างฝีมือ และความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน ที่เป็นมากกว่าแค่ความสุขในการทำอาหาร แต่สิ่งเหล่านี้ยังถือว่าเป็นมรดกแห่งความเป็นเลิศทางศิลปะของฝรั่งเศส โดยแสดงถึงความทุ่มเทและฝีมือที่จำเป็นในการผลิต 'ราชินีแห่งเนย' แต่ละองค์ประกอบของเนย Échiré บอกเล่าเรื่องราวของประเพณี คุณภาพ และรสชาติที่อยู่เหนือความสามัญ ที่ซึ่งยังคงดึงดูดนักชิมและเชฟทั่วโลกอย่างมหัศจรรย์ #ÉchiréButter #CulinaryExcellence #LeBonheurPâtisserie #GastronomicTradition #ArtisanalQuality #UnparalleledFlavour #HandpickedIngredients #ChefCrafted #BakedToPerfection #DelightfulCreations

bottom of page